ผ่านพ้นไปแล้วกับงาน Bangkok Design Week 2024 ซึ่ง Gadhouse และ Drop the Needle Collective นำเรื่องราวจากแผ่นเสียงและไอเดียสนุกๆ ไปร่วมสร้างสีสันอัพบีทให้ทุกคนได้เพลิดเพลินใจไปกับเสียงดนตรี โดยมีหลายกิจกรรมที่สอดแทรกแนวคิดในการเปลี่ยนเมืองให้น่าอยู่มากขึ้นด้วย มาดูกันดีกว่าว่าเราไปร่วมแจมกับเทศกาลในพาร์ตไหนมาบ้าง
1. รักดนตรี รักษ์สิ่งแวดล้อม ไปกับ REVERB by Gadhouse
ไอเดียตั้งต้นของโปรเจกต์นี้ เกิดจากแพชชันของทีมงาน Gadhouse ที่อยากชักชวนคนรักแผ่นเสียงและบรรดานักสร้างสรรค์ให้หันมาสนใจเรื่องความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น พวกเขาจึงนำกระบวนการรีไซเคิลและอัพไซคลิงมาประยุกต์ใช้กับการผลิตไอเท็มสุดคูล ในชื่อคอลเลกชัน REVERB Trio ที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 3 ชนิด ได้แก่
- Mathis Reimagined เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ทำจากกล่องนม UHT โดยใช้กล่องนม 370 ชิ้นต่อการผลิตหนึ่งเครื่อง และนำต้นแบบมาจากโมเดลรุ่น Mathis Turntable ตัวท็อปของแบรนด์ Gadhouse
- Modular Sound Crate กล่องเก็บแผ่นเสียงดีไซน์เก๋ลวดลายไม่ซ้ำ แต่ละกล่องมีวัสดุเป็นฝาขวดน้ำพลาสติกเหลือใช้จำนวน 5,000 ชิ้น ซึ่งเรารวบรวมมาจากจุดทิ้งฝาขวดน้ำตามสถานที่ต่างๆ
- Fruitmat Slipmat แผ่นรองกันลื่นที่ช่วยให้จานหมุนกับแผ่นเสียงยึดเกาะกันได้ดี ทำจากเศษเส้นใยใบสับปะรดที่เป็นขยะทางการเกษตร โดยรับมาจากไร่สับปะรดในจังหวัดราชบุรี
อีกทั้งยังจัดนิทรรศการ REVERB – Repurpose Collective ขึ้นที่ The Corner House Bangkok เพื่อเปิดตัวคอลเลกชัน และบอกเล่ากระบวนการสร้างสรรค์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม โดยมีจุด Drop-off ให้บรรดาสายกรีนนำขวดน้ำพลาสติกหรือแผ่นเสียงเก่ามาแลก Eco 45 RPM adapter สำหรับแผ่นเสียง 7 นิ้ว ที่ทำจากฝาขวดพลาสติกกลับบ้านไปแบบฟรีๆ รวมถึงมีกิจกรรมเวิร์กชอป Stand Your Vinyl แปลงร่างแผ่นเสียงที่ไม่สามารถใช้งานได้ให้กลับมามีประโยชน์อีกครั้งด้วยการทำเป็นที่ตั้งแผ่นเสียง และเปิดโอกาสให้ทุกคนแต่งแต้มสีสันลงบนชิ้นงานในสไตล์ของตัวเองได้ตามใจชอบ แล้วเราก็ยกบูธดีเจไปแจกจ่ายความคึกคักสร้างสีสันภายในงานด้วย ต้องขอขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนมาร่วมสนุกกับกิจกรรมตลอดทั้ง 9 วัน ทำให้ ‘เสียงสะท้อน’ เพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมที่เราอยากส่งต่อดังออกไปอย่างที่ตั้งใจไว้ และหวังว่าจะได้เจอกันอีกในกิจกรรมครั้งหน้าของ REVERB by Gadhouse
2. ยกขบวนดีเจบุก Creative Market อาคารไปรษณีย์กลาง
ใครไปเดินชอปปิ้งที่ Creative Market โถงชั้นใต้ดิน อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง ในวันเสาร์และอาทิตย์ตลอดช่วงเทศกาล น่าจะได้ยินเสียงดนตรีที่ Drop the Needle Collective ชวนเพื่อนดีเจ 8 คน 8 สไตล์ ทั้ง Gong, Keodeeo, Kimkittikorn, Suyaknow, Brent Burns, Panlert, Argastat และ Peachy ไปร่วมสร้างบรรยากาศครื้นเครงตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงค่ำๆ เพราะเสียงเพลงก็เป็นอีกหนึ่งความรื่นรมย์ในการแต่งเติมสีสันให้ชีวิตประจำวันไม่น่าเบื่อ ถึงเทศกาลนี้จะจบลงไปแล้ว แต่ขอบอกเลยว่า Drop the Needle Collective มีอีเวนต์สนุกๆ รอให้คุณมาร่วมเอนจอยตลอดทั้งปี ถ้าไม่อยากพลาดอย่าลืมติดตามเพจและไอจีของเราไว้นะ
3. เปิดประสบการณ์ฟังและมิกซ์เสียงย่านตลาดน้อย
นอกจากกิจกรรมของเราเองแล้ว Gadhouse และ Drop the Needle Collective ยังร่วมสนับสนุน A & THE สตูดิโอออกแบบประสบการณ์น้องใหม่ที่ทำโปรเจกต์ HEAR FROM HERE นำเสียงต่างๆ ในย่านตลาดน้อยมาจัดแสดงนิทรรศการ Interactive Installation ที่ Such A Small World พื้นที่ Co-Playing Cafe บนชั้น 3 ของ The Corner House Bangkok
โดยงานนี้เขายกเครื่องเล่นแผ่นเสียงไปตั้ง และเชิญชวนให้ผู้เข้าชมงานมาลองมิกซ์เสียงด้วยตัวเอง จุดประสงค์หลักของ A & THE คือพวกเขาอยากให้คนเข้ามามีส่วนร่วมแล้วได้รับประสบการณ์กลับไป รวมถึงอยากให้คนภายนอกรู้จักและเข้าใจรากเหง้าของตลาดน้อยมากขึ้น จะได้ช่วยกันสะท้อนปัญหาที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่ผ่านงานออกแบบได้
กี้ อาร์ตไดเรกเตอร์ประจำโปรเจกต์บอกเล่าว่า “เราอยากให้งานดีไซน์มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนจริงๆ เหตุผลหนึ่งที่ทำโปรเจกต์นี้ก็เพราะไม่อยากให้ทุกคนมาตลาดน้อยแค่ช่วงเทศกาลแล้วก็ผ่านไป แต่อยากให้ลองทำความรู้จักพื้นที่กันมากขึ้น เราเลยไปเก็บเสียงที่น่าสนใจมานำเสนอ และถ่ายฟุตเทจวิดีโอความมีชีวิตชีวาในตลาดน้อย ทั้งสัตว์ ผู้คน บรรยากาศ มาทำงานกับเสียงด้วย”
ส่วนเอ๊ะ Developer ที่ชอบเดินสำรวจย่านเมืองเก่าก็ช่วยเสริมว่า “ในส่วนของ Developer เราไปเดินสำรวจรอบย่านตลาดน้อยแล้วเอาข้อมูลจีพีเอชมาแปลงเป็นเสียงดนตรีแบล็คกราวน์ ซึ่งถ้าเดินเข้าไปในซอยตรงกรมเจ้าท่าจะเห็นโรงกลึงที่เขาประกอบอาชีพนี้กันมานานแล้ว เดินลึกเข้าไปอีกจะเจอบ้านคนที่อยู่กันแบบเงียบสงบ โดยมีคาเฟ่หรือโรงแรมที่เป็นความเจริญแทรกเข้ามา แต่วิถีชีวิตดั้งเดิมของคนในชุมชนก็ยังคงอยู่ ซึ่งบางทีหลายคนมองข้ามไป เราเลยอยากทำงานที่สะท้อนเรื่องราวเหล่านี้”
นอกจากกี้กับเอ๊ะแล้วในโปรเจกต์นี้ยังมีซาวนด์ดีไซเนอร์และดีเจที่มาร่วมกันสร้างเสียงให้กับ HEAR FROM HERE อีกหลายคน ทำความรู้จักพวกเขาเพิ่มเติมได้ที่ไอจี a.andthe.studio และถ้าใครสนใจอยากเก็บเสียงจากตลาดน้อยไว้เป็นคอลเลกชันส่วนตัว ทางสตูดิโอก็มีแผ่นเสียงขาย โดยรายได้ 5% จะถูกส่งคืนกลับไปให้กับชุมชนตลาดน้อย ทดลองฟังได้ที่ https://www.youtube.com/playlist?list=PLHAq3-wNTBlXPpYDSmL6ebLjq8TJPFKFL
4. Vintage Swing Fair สุดชิคที่ The Hop ถนนสีลม
อีกหนึ่งพาร์ตเนอร์ที่ Gadhouse ไปร่วมจอยคือ Vintage Swing Fair ที่จัดโดย The Hop สตูดิโอศิลปะและชุมชนคนรักการเต้นสวิง งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ ภายในงานอบอวลไปด้วยบรรยากาศสนุกสนานย้อนยุคของดนตรีสวิงแจ๊ส และแน่นอนว่าต้องมีคลาสสอนเต้นสวิงให้ขาแดนซ์ได้มาสนุกกัน อีกทั้งยังมีนิทรรศการจากศิลปิน การแสดงโชว์ งานเสวนาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมยุคแจ๊ส อาหารและเครื่องดื่มจัดเต็ม รวมถึงมีตลาดไลฟ์สไตล์วินเทจที่ขายเสื้อผ้า หนังสือ งานศิลปะ ของสะสม และแผ่นเสียง ซึ่ง Gadhouse ยกเครื่องเล่นแผ่นเสียงไปโชว์ให้ทุกคนสามารถลองเปิดเพลงโปรดได้ตามใจชอบ และมีกิจกรรม ‘Snap & Share!’ ลุ้นรับรางวัลใหญ่ ใครพลาดงานนี้ไป ลองส่องแฮชแท็กชมบรรยากาศกันได้ที่ #TheHopxGadhouse #VintageSwingFair2024
5. ไทยสมัย เมื่อเพลงเก่ากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หากใครได้มีโอกาสไปเดินเล่นย่านพระนครช่วง Bangkok Design Week คงพอรู้ว่ากิจกรรมของย่านนี้หลากหลายและน่าสนใจสุดๆ โดยฝีมือการคิวเรตของศูนย์มิตรเมือง หรือ Urban Ally ซึ่งจัดจุดเช็กอินสำรวจรอบย่านพระนครไว้มากถึง 19 สถานที่ หนึ่งในนั้นคือจุดแวะพักกายพักใจ Raising The Bar : Where Arts Meet Ales ที่เปิดทำการเฉพาะกิจอยู่ในซอยบุรีรมย์ 2 งานนี้นอกจากจะมีเครื่องดื่มคราฟต์เสิร์ฟพร้อมของว่างแสนอร่อยที่มีเรื่องราวเชื่อมโยงกับชุมชนแล้ว ยังมีเครื่องเล่นแผ่นเสียง Gadhouse ไปบรรเลงเพลงไทยในอดีตจากแผ่นที่สนับสนุนโดยพิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุกรมประชาสัมพันธ์
โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง glomglomD มาร่วมจัดมุมฟังเพลง ‘ไทยสมัย’ ทำไทยให้ทันสมัย นำแรงบันดาลใจจากตู้เพลงโบราณมาดีไซน์เป็นชั้นวางเครื่องเล่นแผ่นเสียง ซึ่งมีกาชาปองให้สุ่มสติกเกอร์ชื่อเพลงเก่าที่ออกแบบใหม่ให้ร่วมสมัยแต่ยังคงรักษาเสน่ห์ของงานอาร์ตในอดีตไว้ได้เป็นอย่างดี ได้ข่าวมาว่ามีดีเจจาก CityBoy ไปร่วมเปิดแผ่นสนุกๆ ในคืนวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ด้วย
#DroptheNeedle #DropthePin #BKKDW2024 #BangkokDesignWeek #LivableScape
