ทำความรู้จัก Ardhira Putra ศิลปินอินโดนีเซียที่มาร่วมออกแบบสินค้าคอลเลกชันสุดพิเศษให้กับงาน Record Store Day BKK 2024

Ardhira Putra คือศิลปินและนักวาดภาพประกอบชาวอินโดนีเซีย ผลงานของเขาโดดเด่นด้วยการผสมผสานไวบ์สนุกสนานและความร่วมสมัย เข้ากับบรรยากาศ Nostalgia แฝงกลิ่นอายยุค 80s – 90s ได้อย่างลงตัว ด้วยฝีมือและสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ Ardhira จึงมีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Coca Cola และ MTV ทั้งยังสร้างสรรค์งานอาร์ตเจ๋งๆ ให้กับศิลปินและแบรนด์ต่างๆ อีกมากมาย รวมถึง Ardhira Putra x Mathis Turntable เครื่องเล่นแผ่นเสียงดีไซน์จี๊ดจ๊าดจาก Gadhouse ที่ใครๆ ก็อยากจับจองเป็นเจ้าของ

 

Drop the Needle Collective สะดุดตากับผลงานโดนใจของ Ardhira Putra เอามากๆ เลยถือโอกาสชวนเขามาออกแบบปกแผ่นเสียงอัลบั้ม Compilation พิเศษของค่าย SPICYDISC เพื่อวางขายในงาน Record Store Day BKK 2024 ผลงานเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ตัวตนของ Ardhira Putra เชื่อมโยงกับงานออกแบบของเขาอย่างไรบ้าง บทสัมภาษณ์นี้มีคำตอบมาฝาก

อะไรคือสิ่งสำคัญในการสร้างสรรค์งานศิลปะของคุณ

  • สำหรับผมกระบวนการสร้างสรรค์งานศิลปะต้องสนุกสนาน และเป็นเหมือนกระบวนการเยียวยาอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ยังต้องมีสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ Big Idea หรือ Big Story

 

คุณให้คำนิยามผลงานตนเองอย่างไร เป็นงานสไตล์ไหน เน้นการใช้เทคนิคแบบใด

  • ผมชอบออกแบบงานที่มีสีสันเพื่อแบ่งปันความสุขและพลังงานดีๆ งานศิลปะของผมมักสะท้อนถึงประสบการณ์และความสนใจส่วนตัวอยู่เสมอ ผมเกิดในปี 1988 โดยเติบโตมากับโทรทัศน์ วิดีโอเกม เพลงป๊อป และหนังสือการ์ตูนในยุค 90s ความทรงจำจากยุคนั้นถือเป็นสมบัติล้ำค่า ผมได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมป๊อปในช่วงเวลานั้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวิดีโอเกม เช่น Sega Genesis หรือ Nintendo ที่มีความอิ่มตัวของสี RGB สูง ส่วนเรื่องสไตล์งานผมไม่ค่อยแน่ใจในคำนิยามนัก บางทีอาจเรียกว่าเป็นสไตล์ Retro Pop Psychedelic ซึ่งใช้เทคนิคการวาดภาพแบบเวกเตอร์

อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณสนใจในวัฒนธรรมป๊อปญี่ปุ่น อย่างเช่นขบวนการ 5 สี (Super Sentai), ตัวละครจากการ์ตูน, เครื่องเล่นเกม

  • พ่อแม่เป็นคนแนะนำให้ผมรู้จักวัฒนธรรมป๊อปญี่ปุ่นตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็ก ในยุค 90s สิ่งเหล่านี้ได้รับความนิยมมากในอินโดนีเซีย ทุกเช้าวันอาทิตย์ช่องรายการโทรทัศน์ท้องถิ่นจะฉายการ์ตูนญี่ปุ่น และช่วงเวลานั้นก็เป็นยุคแรกๆ ของเกมคอนโซล ทำให้ผมชอบดูการ์ตูน อ่านการ์ตูน และเล่นเกมคอนโซลมาก ทุกอย่างคือขุมทรัพย์แห่งความสุขจริงๆ


    ช่วงปี 2016 ผมเป็นดิจิทัลดีไซเนอร์ในบริษัทสื่อแห่งหนึ่ง และเบื่อกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำแต่งานออกแบบตามโจทย์ลูกค้า พอเริ่มรู้สึกว่าชีวิตต้องการความสดชื่น ผมจึงย้อนความทรงจำกลับไปในยุค 90s ซึ่งเต็มไปด้วยภาพของความสุข การตัดสินใจลองสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากวัยเด็ก ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงกระบวนการเยียวยาตนเองที่เกิดขึ้น และตระหนักได้ว่าวัยเด็กคือขุมพลังสำคัญในการขับเคลื่อนให้ผมเป็นศิลปินมาจนถึงทุกวันนี้

คุณมาร่วมงานกับ Gadhouse และ Drop the Needle Collective ได้อย่างไร
  • ผมรู้จักแบรนด์ Gadhouse ตอนอาศัยอยู่ในสิงคโปร์และไปที่ร้านขายเครื่องดนตรี ผมสังเกตว่ามีเครื่องเล่นแผ่นเสียงเจ๋งๆ หลายแบรนด์ และหนึ่งในนั้นก็คือผลิตภัณฑ์จาก Gadhouse เมื่อได้รับอีเมลชักชวนให้มาทำโปรเจกต์ร่วมกัน ผมจึงรู้สึกยินดีมาก การได้ออกแบบ Vinyl Player เหมือนฝันที่เป็นจริง เพราะผมสนใจการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับดนตรีจริงๆ จากนั้นพวกเขาก็ขอให้ผมออกแบบปกแผ่นเสียงของ Drop the Needle Collective ด้วย

เมื่อได้รับโจทย์ให้ออกแบบเครื่องเล่นแผ่นเสียง Mathis Turntable และ Drop the Needle Collective Vol.3 x SPICYDISC คุณตีความโจทย์นี้อย่างไร มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร ต้องการนำเสนออะไรผ่านงานออกแบบ

  • แรงบันดาลใจในการออกแบบ Mathis Turntable มาจากประสบการณ์ฟังเพลงผ่านเครื่องเล่นแผ่นเสียง ซึ่งผมพบว่ามันน่าสนใจมากและแตกต่างจากการฟังเพลงผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ การอุดหนุนแผ่นเสียงเป็นการแสดงความขอบคุณอย่างสูงต่อนักดนตรี และการฟังเพลงจากแผ่นเสียงก็เปรียบเสมือนช่วงเวลาพิเศษ ดนตรีมีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างสรรค์ผลงานของผม บางครั้งเวลาฟังเพลงผมจะรู้สึกมีอิสระและได้โลดแล่นไปในโลกจินตนาการ ราวกับเป็นเวทมนตร์ที่ทำให้เราได้ท่องเที่ยวและสัมผัสถึงภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหัวโดยฟังแค่เสียงเท่านั้นผมจึงนำความรู้สึกนี้มาเป็นไอเดียในการออกแบบ Mathis Turntable ด้วยธีมอิสระแห่งจิตนาการ หรือ Freedom of Imagination ที่พาคนฟังไปสู่ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนในจินตนาการ และค้นพบการเดินทางที่น่าตื่นตาตื่นใจส่วนการออกแบบปกอัลบั้มแผ่นเสียงให้กับ Drop the Needle Collective ผมนึกถึงคำว่า Music in the City และอยากนำร้านแผ่นเสียงมาใส่ไว้ในงานออกแบบ ผมนึกถึงภาพความทรงจำในยุค 90s ที่บางทีเรานั่งรถเข้าไปในเมืองเพียงเพราะแค่อยากซื้อเทปหรือซีดีเท่านั้น การได้ใช้เวลาในร้านขายสินค้าเกี่ยวกับดนตรี ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจเมื่อเรามองย้อนกลับไปในยุคนั้น

ก่อนหน้านี้คุณเคยออกแบบปกแผ่นเสียงให้กับศิลปินคนไหนมาบ้าง?

  • ผมเคยออกแบบปกอัลบั้มแผ่นเสียงให้กับ Engelwood, Aaron Russo, Pearl & the Oysters และ Yung Bae ดนตรีเป็นหนึ่งในอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมจริงๆ การสร้างสรรค์ผลงานให้กับนักดนตรีหรือค่ายเพลงถือเป็นโปรเจกต์ที่ดีที่สุดของผมเสมอ

เชื่อว่าคนรักดนตรีหลายๆ คนคงมีประสบการณ์ร่วมกันที่ไม่ต่างจาก Ardhira Putra และยังคงจดจำช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากยุคอนาล็อกมาสู่ยุคดิจิทัลกันได้ หากวันไหนรู้สึกอยากย้อนวัยไปสู่คืนวันเหล่านั้น หรือต้องการสัมผัสงานศิลปะสีสันสดใสช่วยชุบชูใจ ลองแวะไปที่ IG: ardhiraputra

 

SCOOP

VINYL

COLLABS

SERVICES

ABOUT

CONTACT